ตัวอย่างที่ 2
ข้อเสนอแนวความคิด/วิธีการเพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ของ นางสาววงศ์สิริ ชุนดี
เพื่อประกอบการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง บรรณารักษ์ชำนาญการ ตำแหน่งเลขที่ 4234
กลุ่ม/ศูนย์ สำนักงาน กศน. จังหวัดเชียงราย ของสำนักงาน กศน. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เรื่อง การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้สู่ชุมชน
1. หลักการและเหตุผล
จากผลสำรวจการอ่าน ปี 2561 ชี้คนไทยใช้เวลาอ่านมากขึ้นเฉลี่ย 80 นาทีต่อวัน สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการสำรวจในปี2558 ที่มีการอ่านอยู่ 66 นาทีต่อวัน และปี 2556 อ่าน 37 นาทีต่อวัน โดยวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราการอ่านนานสุดอยู่ที่ 109 นาทีต่อวัน ผลสำรวจดังกล่าว เป็นความร่วมมือกันระหว่าง ‘สำนักงานอุทยานการเรียนรู้’ (TK park) กับ ‘สำนักงานสถิติแห่งชาติ’ ซึ่งได้รายงานว่า คนไทยใช้เวลาอ่านเพิ่มมากขึ้นเป็น 80 นาทีต่อวัน ขณะที่ภาพรวมในการอ่านของคนไทยพบมีการอ่านถึง 78.8% หรือคิดเป็นจำนวนประชากร 49.7 ล้านคน โดยกรุงเทพฯ มีคนอ่านมากที่สุดคิดเป็น 92.9%
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ตัวเลขของกลุ่มที่ไม่อ่านพบว่า มีถึง 21.2% คิดเป็นจำนวนประชากร 13.7 ล้านคน ซึ่งเหตุผลของการไม่อ่านมีตั้งแต่การดูทีวี ไม่มีเวลา อ่านไม่ออก ไม่ชอบ ไม่สนใจการอ่าน ชอบเล่นเกม รวมทั้งไม่มีเงินซื้อหนังสือ
การอ่านมีคุณค่าและประโยชน์ในด้านพัฒนาความคิด เชาวน์ปัญญา รับรู้ข่าวสารต่างๆ และยังเป็นพื้นฐานต่อยอดองค์ความรู้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสิ่งจำเป็นของทุกคนที่จะต้องใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และต้องการความสำเร็จ ถือเป็นการลงทุนทางด้านปัญญาที่ดี การอ่านจึงมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม และประเทศชาติ Tanyabud (2012) กล่าวว่าการอ่านเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถช่วยให้สังคมไทยพัฒนาไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การอ่านนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นการคิด หรือกระทำสิ่งใดนั้นย่อมต้องอาศัยการอ่านเป็นสำคัญ ด้วยการอ่านมีความจำเป็นต่อชีวิตของคนในยุคปัจจุบันยิ่งกว่ายุคที่ผ่านมา เพราะการอ่านเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญสำหรับไขหาความรู้ที่มีอยู่มากมายในโลกใบนี้ และถ้าได้นำเอาความรู้ที่ได้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ในการแก้ปัญหาให้แก่สังคมแล้ว บุคคลเหล่านี้ก็จะเป็นพลเมืองดีของสังคม สังคมใดมีบุคคลที่มีประสิทธิภาพในการอ่านอยู่มาก สังคมนั้นก็จะเจริญพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ประเทศที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วล้วนแต่ส่งเสริมและสร้างวัฒนธรรมการอ่านอย่างจริงจัง
ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ยุทธศาสตร์ที่ ๓ : การพัฒนาศักยภาพคน ทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ มีเป้าหมาย ดังนี้ ข้อ ๓.๔ แหล่งเรียนรู้ สื่อตำราเรียน นวัตกรรม และสื่อการเรียนรู้มีคุณภาพและ มาตรฐาน และประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น แหล่งเรียนรู้ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถจัดการศึกษา/จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีคุณภาพ เพิ่มขึ้น สื่อสารมวลชนที่เผยแพร่หรือจัดรายการเพื่อการศึกษาเพิ่มขึ้น สื่อตำราเรียน และสื่อ การเรียนรู้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ และได้รับการพัฒนา โดย การมีส่วนร่วมจากภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น เป็นต้น
และสำนักงาน กศน. ได้กำหนดนโยบายและจุดเน้นการดำเนินงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ภารกิจต่อเนื่อง 1.4 การศึกษาตามอัธยาศัย 1) พัฒนาแหล่งการเรียนรู้ที่มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่านและพัฒนาศักยภาพ การเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เช่น การพัฒนา กศน. ตําบล ห้องสมุด ประชาชนทุกแห่งให้มีการบริการที่ทันสมัย ส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน การสร้างเครือข่าย ส่งเสริมการอ่าน จัดหน่วยบริการห้องสมุดเคลื่อนที่ ห้องสมุดชาวตลาด พร้อมหนังสือและอุปกรณ์เพื่อจัดกิจกรรม ส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ที่หลากหลายให้บริการกับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง สม่ำเสมอ รวมทั้ง เสริมสร้างความพร้อมในด้านบุคลากร สื่ออุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการอ่าน และการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการอ่าน อย่างหลากหลายรูปแบบ
จากนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องพัฒนากิจกรรมส่งเสริมการอ่านห้องสมุดประชาชนอำเภอพาน เพื่อให้สนองตอบต่อนโนบายทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล แนวคิดการจัดกิจกรรมดังกล่าว มีดังนี้
1. การพัฒนาห้องสมุดประชาชนให้เป็นห้องสมุดสมัยใหม่ ที่มีแนวคิดที่จะพัฒนาให้เป็นห้องสมุดที่ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตให้เท่าเทียมกันทุกช่วงวัย
2. การสนองตอบความต้องการของประชาชน โดยการนำความรู้ไปถึงบ้านและชุมชน
3. การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาอย่างยั่งยืน
จากปัจจัยดังกล่าว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดแนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้สู่ชุมชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์
1. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของห้องสมุดประชาชนอำเภอพาน
2. เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของเครือข่ายในการพัฒนาการบริการของห้องสมุดประชาชน
3. เพื่อให้ห้องสมุดประชาชนและบ้านหนังสือมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับหน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ
2. บทวิเคราะห์
การเรียนรู้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิด และเกิดข้ึนได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งจากการ
เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น ที่เป็นการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น หรือเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงการเรียนรู้
(Learning) หมายถึง กระบวนการที่บุคคลเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การพัฒนาความคิดและ
ความสามารถ โดยอาศัยประสบการณ์และปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและส่ิงแวดล้อม ซึ่งการเรียนรู้น้ันจะทําให้พฤติกรรมน้ันเปล่ียนแปลงไปโดยถาวร การอ่านหนังสือเป็นการเรียนรู้ท่ีผู้อ่านสามารถนําความรู้ท่ีได้จากการอ่านไปพัฒนาตนเองได้ การอ่านหนังสือน้ันมีความสําคัญต่อชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะการอ่านช่วยผลักดันให้เราเป็นที่ยอมรับในสังคม คือ มีความคิดความอ่านท่ีกว้างขวางขึ้น มุ่งสร้างกระแสสังคมให้การเรียนรู้เป็นหน้าท่ีของคนไทยทุกคน มีนิสัยใฝ่เรียนรู้รักการอ่านต้ังแต่วัยเด็ก และส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันของคนต่างวัย ควบคู่กับการส่งเสริมให้องค์กร กลุ่มบุคคล ชุมชน ประชาชน และสื่อทุกประเภทเป็นแหล่งเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ สื่อสารด้วยภาษาท่ีเข้าใจง่าย รวมถึงส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัยที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน และสร้างสังคมแห้งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและสนับสนุนปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้
ตลอดชีวิต
หนังสือเป็นส่ิงท่ีสําคัญท่ีสามารถให้ความรู้ได้หลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาและด้านความรู้
รอบตัว ท่ีสามารถนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้ล้วนแต่เป็นความรู้ที่มาจากการอ่านหนังสือทั้งน้ัน แต่คนในปัจจุบันไม่ได้ให้ความสำคัญกับหนังสือ อันเนื่องมาจากมีสื่ออื่น และสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตมากขึ้น พบว่าเด็กไทยอ่านหนังสือลดลงเกือบทุกวัน เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม ความเป็นอยู่ การศึกษาและค่านิยมต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในสังคม รวมท้ังสภาพแวดล้อมในปัจจุบันอีกด้วย ในขณะเดียวกันการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในสังคมน้ันไม่ได้มาจากการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่หากจะมีส่ือชนิดอ่ืนที่มีอิทธิพลเพิ่มข้ึนมาในสังคมอีกมากมาย นอกจากนี้การท่ีเด็กไทยอ่านหนังสือน้อยลงยังเป็นผลมาจากการท่ีถูกส่ิงต่าง ๆ ท่ีน่าดึงดูดและน่าสนใจกว่า เช่น โลกอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ ท่ีมีอิทธิพลต่อคนในปัจจุบันมาก เน่ืองจากการมีค่านิยมที่ผิด ๆ คือ การที่คิดว่าการอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ล้าสมัยอยู่
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 หมวด 4 มาตรา 24 กล่าวถึงคุณลักษณะและนิสัยด้านการอ่าน กําหนดให้มีการ “จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติให้ทําได้ คิดเป็น ทําเป็น รักการอ่าน และเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง” นอกจากนั้นได้กําหนดปัจจัย ส่งเสริมสนับสนุนการอ่านและการเรียนรู้ เช่น กล่าวว่า “กระบวนการเรียนรู้มุ่งให้นักเรียนมีความคิด ริเร่ิมสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเน่ือง” เน้นความรู้และทักษะด้านภาษา “เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง” และ “รัฐต้องส่งเสริมการดําเนินงานและการจัดต้ังแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ อย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ”
ดังนั้น ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้สู่ชุมชน จะต้องส่งเสริมให้เด็กและผู้รับบริการมีความสนใจในการอ่าน การส่งเสริมความสนใจในการอ่านต้องคำนึงถึงพัฒนาการและความสามารถของเด็กและผู้รับบริการ จะทำให้รู้สึกว่าการเรียนรู้ภาษามีความน่าสนใจ อยากเรียนรู้ เนื่องจากการเรียนรู้ที่เกิดจากการเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง ทำให้ไม่เครียดและไม่รู้สึกว่าถูกบังคับจากผู้ใหญ่ ช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนาทักษะทางภาษา ทั้งทางด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ครอบคลุมทุกด้านและเต็มตามศักยภาพ ทำให้ผู้ปกครองเข้าใจแนวทางในการส่งเสริมและจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมความสนใจในการอ่านได้อย่างเหมาะสม และห้องสมุดประชาชนต้องมีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ให้ครอบคลุมกับผู้รับบริการทุกช่วงวัย ทุกพื้นที่ จึงต้องมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านทั้งภายในและภายนอกห้องสมุด กศน.ตำบล และบ้านหนังสือชุมชน รวมทั้งสนับสนุนให้อาสาสมัครส่งเสริมการอ่านช่วยกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
3. แนวความคิด
ข้อเสนอแนวคิดเพื่อพัฒนางานแนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้สู่ชุมชน คือ
1. การจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อม การจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษามีความสำคัญต่อการสร้างความสนใจในการอ่านของเด็ก เด็กควรจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวหนังสือ มีกิจกรรมปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครู มีโอกาสเลือกทำงานที่ชอบและสนใจ ดังนั้นภายในห้องจึงจัดให้มีมุมประสบการณ์หรือศูนย์การเรียน เช่น
1) มุมหนังสือจะมีชั้นวางหนังสือเหมือนในห้องสมุด เพื่อให้เด็กเรียนรู้ภาษาด้วยตนเองตามธรรมชาติ ควรมีหนังสือนิทาน วรรณกรรมสำหรับเด็กอย่างน้อยเท่ากับจำนวนเด็กและเพิ่มมุมเขียนหนังสือ มุมอ่านหนังสือ มุมห้องสมุดในห้องเรียน เด็กสามารถเข้าไปอ่านได้อย่างอิสระและสามารถยืมกลับไปอ่านต่อที่บ้านได้ โดยครูสนับสนุนให้พ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังที่บ้าน สำหรับหนังสือวรรณกรรมที่มุมห้องสมุดนั้น ครูจะแสวงหาเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยแลกเปลี่ยนกับห้องอื่น ถ้าโรงเรียนมีห้องสมุดกลางครูอาจนำเด็กไปเลือกดูหนังสือคู่กับบรรณารักษ์
2) มุมเขียนหนังสือมีโต๊ะเก้าอี้ให้เด็กนั่งเขียน เพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับตัวหนังสือ
3) ส่วนมุมอื่นๆ เช่น มุมวิทยาศาสตร์ มุมคณิตศาสตร์ มีป้ายบอกชื่อมุมหรือบอกอุปกรณ์ที่จัดไว้ในมุม บอกจำนวนเพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับสัญลักษณ์
2. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและให้คุ้นเคยกับตัวหนังสือ ได้แก่ อ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกวัน การอ่านอาจนำหนังสือเล่มเก่ามาอ่านให้เด็กฟังถ้าเด็กขอร้อง อาจจะอ่านในช่วงกิจกรรมที่มีเด็กนั่งฟังเพียง 4–5 คนก็ได้ สำรวจความต้องการอ่านของเด็ก เพื่อจัดหนังสือให้ตรงตามความต้องการและเหมาะสมกับวัยของเด็ก จัดป้ายนิเทศหมุนเวียนเปลี่ยนให้บ่อย ๆ เพื่อเป็นแรงดึงดูดใจและกระตุ้นให้เด็กสนใจอยากอ่าน จัดหาหนังสือที่หลากหลายประเภท ได้แก่ หนังสือนิทานภาพ หนังสือนิทานสามมิติ หนังสือนิทานผ้า และ หนังสือนิทานรูปทรงต่าง ๆ เพียงพอกับความต้องการของเด็ก
3. กิจกรรมการเล่น มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความสนใจในการอ่านและการเขียน เพราะเด็กมีโอกาสตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะเลือกทำกิจกรรมในมุมใด ในแต่ละมุมจะมีวัสดุอุปกรณ์ที่ส่งเสริมภาษา เช่น ตัวหนังสือบนสิ่งของเครื่องใช้ สิ่งของที่มีตัวหนังสือมาประกอบการเล่น มุมวิทยาศาสตร์ เขียนบัตรคำบอกชื่อสิ่งต่างๆไว้ มุมคณิตศาสตร์จัดให้มีตัวเลข ตัวหนังสือที่ของเล่น เป็นต้น เป็นโอกาสที่บรรณารักษ์จะได้สังเกตเด็กและสนทนาซักถามเด็กได้ทีละคน พยายามชักชวนให้เด็กทำกิจกรรมที่หลากหลาย
4. กระตุ้นและสร้างความสนใจให้อยากรู้เรื่องราวในหนังสือ ด้วยการจัดนิทรรศการ แนะนำหนังสือใหม่ เล่าเรื่องประกอบ อ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกวัน สนับสนุนให้เด็กได้เล่าเรื่องที่อ่านให้เพื่อน ๆ ฟัง จัดอุปกรณ์ที่เอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมการอ่าน เช่น เครื่องเล่นซีดี หูฟัง ซีดีเพลง ซีดีนิทาน ให้หลากหลายประเภทและเหมาะสมเพียงพอกับความต้องการของเด็ก จัดอุปกรณ์เอื้ออำนวยความสะดวกในการอ่าน ได้แก่ หนอนอิง โต๊ะญี่ปุ่น ตุ๊กตา หุ่นมือ กิจกรรมส่งเสริมการอ่านในมุมเด็ก
5. บรรณารักษ์เป็นแบบอย่างที่ดีในการอ่าน โดยการอ่านหนังสือให้เด็กเห็นและพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับราวของหนังสืออยู่เสมอ บรรณารักษ์เป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส กระตุ้นให้เด็กรักการอ่านด้วยปิยวาจา เพื่อให้เด็กเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน โดยไม่บังคับ ให้กำลังใจและยกย่องชมเชยเมื่อเด็กแสดงความสนใจในการอ่าน
6. ให้หนังสือเป็นรางวัลในโอกาสต่าง ๆ เช่น เมื่อทำความดี ตอบคำถามถูกต้อง หรือเมื่ออ่านหนังสือได้จำนวนมาก
กิจกรรมส่งเสริมการอ่านในชุมชน
1. กิจกรรมแนะนำหนังสือ เป็นการแนะนำหนังสือใหม่ จัดมุมแนะนำหนังสือน่าอ่าน หรือการทำ QR Cord แนะนำหนังสือน่าอ่านอย่างสั้น ๆ และอาจจะทำบรรณานิทัศน์แนะนำหนังสือ โดยนำหน้าปกหนังสือมาใส่ในบรรณานิทัศน์ เพื่อดึงดูดความสนใจในการอ่าน
2. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านผ่านกระบวนการเล่นเกมการศึกษา ได้แก่ จิกซอ โดมิโน เกมจับคู่ โดยบรรณารักษ์จัดทำเกมการศึกษาเหล่านี้ขึ้นโดยการนำภาพปกหนังสือนิทานเป็นภาพในเกม เมื่อเด็กเล่นเกมเสร็จ บรรณารักษ์แนะนำว่า หนังสือเล่มนั้นๆ ดีอย่างไร สนุกตรงไหน และเลือกอ่านข้อความบางตอนที่น่าสนใจให้เด็กฟังด้วย นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมที่ได้ฝึกการสังเกต คาดคะเน รูปร่างรูปทรง ฝึกจำแนกความแตกต่างและความเหมือนด้วยสายตา
3. กิจกรรมเล่านิทาน เป็นกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่เหมาะกับเด็กมากที่สุด เพราะเด็กวัยนี้ยังไม่สามารถอ่านหนังสือด้วยตนเองได้ การฟังนิทานจึงเป็นสื่อสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กและยังเป็นวิธีการสอนเด็กโดยไม่ให้เด็กรู้ตัว วิธีการเล่านิทานที่น่าสนใจได้แก่ การเล่านิทานปากเปล่า การเล่านิทานประกอบหนังสือ และการเล่านิทานประกอบสื่อ เช่น หุ่นนิ้ว การพับกระดาษ การปั้นดินน้ำมัน เป็นต้น
4. กิจกรรมสมุดบันทึกรักการอ่าน เป็นกิจกรรมส่งเสริมให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน การอ่านจะช่วยพัฒนาสมาธิและทักษะทางการคิดของนักเรียนได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เด็กและเยาวชนในเขตพื้นที่อำเภอพานได้ประโยชน์สูงสุดจากการอ่าน และได้ทำแบบบันทึกกิจกรรมรักการอ่านขึ้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนในเขตพื้นที่อำเภอพานได้บันทึกสิ่งที่ได้จากการอ่านลงไป
5. กิจกรรมฝึกทักษะอาชีพ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการประดิษฐ์งานฝีมือต่าง ๆ เช่น การร้อยลูกปัด การประดิษฐ์ดอกไม้จากกระดาษสา งาน DIY เป็นต้น มีการเชิญภูมิปัญญาท้องถิ่น / ปราชญ์ชาวบ้านมาให้ความรู้ ส่งเสริมความรู้ของชุมชน เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีในชุมชน บรรณารักษ์มีการจัดทำ แผ่นพับวิธีการทำ และแนะนำว่าเรื่องนี้สามารถค้นหาอ่านจากหนังสือเล่มใด หรือค้นหาได้จากสื่อใดบ้าง
4. ข้อเสนอ
1. ด้านนโยบาย
– เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของห้องสมุดประชาชนอำเภอพาน ขยายเวลาเปิด-ปิดห้องสมุด (เดิมวันจันทร์ ถึงวันศุกร์) เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
– กศน.อำเภอผลักดันให้มีนโยบายส่งเสริมการรักการอ่านในองค์กร พร้อมทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้ข้าราชการ บุคลากรของ กศน.อำเภอและครอบครัว จนถึงนักศึกษาและประชาชนซึ่งเป็นผู้รับบริการในด้านต่าง ๆ
– เพิ่มจำนวนบ้านหนังสือชุมชน ปีละ 3 แห่ง
2. ด้านการบริหารจัดการ
– กำหนดให้มีคณะกรรมการห้องสมุดประชาชน เพื่อให้แนวคิดแบบมีส่วนร่วม คือ เสนอแนวคิด นโยบายการพัฒนาและการบริหารจัดการห้องสมุด การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้ประชาชน ทุกกลุ่มเป้าหมาย ประชาสัมพันธ์เผยแพร่งานห้องสมุด วางแผนติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานของห้องสมุด
– อาคารสถานที่ มีการจัดมุมข้อมูลท้องถิ่น จัดมุมบริการผู้ด้อยโอกาส เช่น คนพิการ คนชรา เป็นต้น และจัดมุมอ่านหนังสือด้านนอกอาคาร
3. ด้านบริการเชิงรุก
– บรรณารักษ์และครู กศน.ตำบลทุกแห่งสนับสนุนการรักการอ่าน เช่น จัดมุมบริการหนังสือใน กศน.ตำบล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล บ้านหนังสือชุมชน และประชาสัมพันธ์ห้องสมุด / บ้านหนังสือชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ให้ประชาชนได้ทราบถึงการให้บริการด้วย
– ส่งเสริมการเข้าถึงหนังสือของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะที่สาธารณะต้องจัดหนังสือไปให้อ่าน หรือจัดทำ QR Code แนะนำหนังสือน่าอ่าน เช่น ป้ายรถโดยสารประจำทาง ร้านอาหาร อบต. ที่ว่าการอำเภอ เป็นต้น
– เน้นการให้บริการเชิงรุก มีการขยายกลุ่มให้บริการแก่บุคคลกลุ่มเป้าหมายพิเศษ โดยเฉพาะนักเรียนในระบบ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ คนชรา และผู้ป่วยในโรงพยาบาล เป็นต้น
4. ด้านเครือข่ายและความร่วมมือ
– เชื่อมโยงเครือข่ายห้องสมุดประชาชนกับโรงเรียนต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์การบริการต่าง ๆ ของห้องสมุด และการเปิด-ปิดห้องสมุดให้นักเรียนได้ทราบ
– ความร่วมมือกับเครือข่าย ในการพัฒนาห้องสมุดและจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ทั้งภายในและภายนอกห้องสมุด สำหรับเด็ก เยาวชน และประชาชน
5. ด้านกิจกรรม
– จัดทำโครงการหนังสือหมุนเวียนระหว่างห้องสมุดและบ้านหนังสือชุมชน เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่หลากหลาย มีการจัดทำ QR Cord แนะนำหนังสือน่าอ่านอย่างสั้น ๆ
– จัดตั้งชมรมอาสาสมัครรักการอ่าน ชุมชนรักการอ่าน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจใน ตัวบุคคลให้เกิดการกระจายหนังสือไปสู่เด็กและเยาวชน
6. ด้านบุคลากร
– การพัฒนาบุคลากรให้มีสมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีทักษะในการใช้ภาษา โดยการจัดอบรม สัมมนา และศึกษาดูงาน
– การพัฒนาความรู้และการปฏิบัติงานของอาสาสมัครรักการอ่าน อาสาสมัครบ้านหนังสือชุมชน เพื่อพัฒนาบ้านหนังสือชุมชนให้มีบทบาทเข้มแข็งในชุมชน โดยการปฐมนิเทศ จัดประกวด การประชุม และการสร้างแรงจูงใจในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประกาศเกียรติคุณ
7. ด้านการประชาสัมพันธ์
– การประสานกับเครือข่าย เช่น หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน สถานีวิทยุชุมชน อบต. เพื่อสร้างความตระหนักและเห็นความสำคัญของห้องสมุดประชาชนและการอ่าน รวมทั้งมีการรณรงค์ส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อการรับรู้และการเข้าถึงห้องสมุด บ้านหนังสือชุมชนของเด็ก เยาวชน และประชาชน ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น
– มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกตามสถาบันการศึกษาในพื้นที่ต่าง ๆ ตลาดสด ตลาดนัดเพื่อให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้รู้จักห้องสมุดประชาชน
5. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อสร้างความตระหนักให้เห็นความสำคัญของห้องสมุดประชาชน รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมนิสัย รักการอ่านของประชาชนให้มีความใฝ่รู้ รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต
2. ห้องสมุดประชาชนมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการให้บริการ มีกิจกรรมที่หลากหลาย ประชาชนสามารถเข้าถึงโดยง่ายและตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่
3. มีเครือข่ายร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และสามารถเพิ่มจำนวนผู้รับบริการ จำนวนบ้านหนังสือชุมชน อันจะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนสังคมให้เป็นสังคมภูมิปัญญาและการเรียนรู้
6. ตัวชี้วัดความสำเร็จ
– การจัดตั้งคณะกรรมการห้องสมุดประชาชน
– จัดทำข้อมูลเครือข่ายห้องสมุด ภูมิปัญญาท้องถิ่น / ปราชญ์ชาวบ้าน ข้อมูลบ้านหนังสือชุมชน อาสาสมัครบ้านหนังสือชุมชน
– ร้อยละของประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ใช้บริหารของห้องสมุดประชาชน เพิ่มขึ้นต่อปี 5 %
– จำนวนบ้านหนังสือชุมชน และอาสาสมัครบ้านหนังสือชุมชน เพิ่มขึ้น 3 แห่ง 3 คนต่อปี
– จัดทำมุมส่งเสริมการอ่านให้บริการสำหรับผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้พิการ คนชรา และผู้ป่วย ในโรงพยาบาล เป็นต้น
– บรรณารักษ์และอาสาสมัครได้รับการฝึกอบรม ประชุมหรือสัมมนา ศึกษาดูงานทุกปี
(ลงชื่อ)…………………………………………………….
(…….นางสาววงศ์สิริ ชุนดี………)
ผู้เสนอแนวคิด
วันที่………..เดือน…….กันยายน…….พ.ศ…..2564…..
เอกสารประกอบ <<การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้สู่ชุมชน>>
เอกสารประกอบ <<การจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน สุขสันต์วันปิดเทอม>>
เอกสารประกอบ <<การจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านพัฒนาการคิดอย่างสร้างสรรค์ >>